โดย พี่ เอ้ ( Ae Kiatmanaroj ) ครับ
เท่าที่ผมหาข้อมูลการส่งของกลั
1 ตัน ตอนที่ผมกลับผมไม่ได้ส่งทางเรื
เลยเลือกการส่งทางเครื่องบินแทน โดยการส่งทางเครื่องบิน (air freight)
นั้นปกติจะคิดราคาตาม
1. น้ำหนักและปริมาตรของพัสดุแต่
2. น้ำหนักรวม
3. จำนวนกล่อง
4. บริการอื่นๆ เช่นการรับของ ส่งของ
บริษัทที่ให้บริการขนส่งนั้นมี
ถึงแพง (agsmover.com) โดยราคาที่ผมเคยเช็คจะต่างกั
อย่างถูกคือขนของไปส่งที่สนามบิ
และเคลียร์ของออกจากสุวรรณภูมิ
(ไม่เสียค่าบิรการ) ที่ที่พัก และบริการรับของที่หอพัก
ตลอดจนจัดการส่งถึงที่อยู่ที่
ผมใช้บริการส่งของของ pyretransit โดยไปส่งของเองที่ Blangac
และรับของเองที่สุวรรณภูมิ สรุปแล้วส่งของกลับประมาณ 230 กก. คิดเป็นค่า
freight กก.ละ ประมาณ 2.7 ยูโร (ยิ่งส่งมาก ราคาต่อกิโลจะยิ่งถูกลง)
ขั้นตอนการส่งของ
1. โทรไปติดต่อกับบริษัทเพื่
2. โทรนัดวันส่งของ (หรืออาจจะให้มารับของที่ที่พัก
ซึ่งราคาค่าบริการจะต่างกัน ต้องถามรายละเอียด)
ผมจะอธิบายต่อไปในส่วนที่
3. นำของไปส่งตามวันนัด โดยแนะนำให้เป็นช่วงเช้าไม่เกิ
4. ยังไม่ต้องเอาของลงจากรถ ให้ไปติดต่อกับทางบริษัทก่อน
ซึ่งบริษัทส่งของจะอยู่ในบริ
ถ้าขับรถมาเองเมื่อเลี้ยวเข้
ให้เลี้ยวออกที่วงเวี
(ทางออกที่หนึ่งจะเข้าไปที่ส่
บริษัทจะให้กรอกเอกสารว่
ส่วนใหญ่แล้วจะกรอกเป็นของใช้ส่
ซึ่งแบบฟอร์มนี้จะใช้สำหรับเคลี
(เรียกรวมเอกสารส่งของว่า airway bill) ไม่แนะนำให้ส่งยา
และเครื่องสำอางค์กลับ เพราะต้องติดต่ออ.ย.(
ที่สุวรรณภูมิเพื่อขออนุ
อนึ่งการนำเข้าเครื่องกีฬาเป็
ก็ต้องแจ้งและเสียภาษีอากรขาเข้
บริษัทจะถามว่าจะให้ส่งของถึงวั
5. บริษัทจะกำหนดจุดเอาของลง เพื่อวัดขนาดและชั่งนำหนักรวม สามารถขอรถตัก
(fork lift) มาช่วยขนได้
6. หลังจากชั่งน้ำหนักแล้ว ต้องนำของทุกชิ้นผ่านเครื่อง x-ray
เจ้าหน้าที่จะตรวจอย่างละเอียด
ถ้ามีข้อสงสัยเจ้าหน้าที่
ข้อแนะนำในการแพ็คของที่สำคัญคื
หรือเสี่ยงต่อการระเบิดทุกชนิด เช่นน้ำหอม หรือขวดแก๊ส
ห้ามมีของที่เป็นน้ำ
และต้องถอดแบตเตอรี่ออกจากอุ
(ส่งแบตเตอรี่ไปได้ แต่ต้องไม่ต่อให้ครบวงจร)
ห้ามมีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่
(ผมเคยโดนห้ามส่งเม็ดกาแฟ เพราะที่ถุงที่ซื้อจากห้างมีรู
แนะนำว่าให้เตรียมเทปกาว และคัตเตอร์ สำหรับเปิดและปิดกล่องด้วย
ขั้นตอนนี้ใช้เวลานาน นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมต้องไปติ
7. กลับไปจ่ายเงินค่าส่งของที่บริ
บริษัทจะให้รายละเอียดสายการบิ
และวันที่กำหนดถึง (บางครั้งไม่ตรง
ต้องโทรไปเช็คกับสายการบินที่ส่
สามารถจ่ายเงินได้สองแบบคือการ์
ขั้นตอนที่สนามบินขาเข้าไทย
1. ที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ให้ใช้ช่องที่ไม่ใช่อิเลคโทรนิ
เพราะต้องมีตราประทับขาเข้าที่
ถ้าเผลอหรือไม่รู้อย่างผม
ในวันที่เคลียร์ของต้องไปที่ตม.
(เสียเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง) ให้ถ่ายเอกสารหนังสือเดินทางหน้
หน้าที่มีตราประทับเดินทางเข้
ถึงวันกลับครั้งสุดท้าย จำนวนสามชุด
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่
(น่าจะรวมระยะเวลาเกินหนึ่งปี) ถ้ามีหนังสือเดินทางสองเล่ม
แนะนำให้นำเล่มเก่าไปด้วย
เผื่อว่าคำนวณแล้วระยะเวลาอยู่
ขั้นตอนการเคลียร์ของ
1. ต้องใช้รถกระบะ หรือรถบรรทุกเท่านั้น ถึงจะสามารถเข้าไปติดต่องานได้
2. แนะนำให้ไปติดต่อตั้งแต่
(สายการบิน และ cargo) ก่อนว่าจะต้องไปติดต่อที่ไหน
โดยปรกติแล้วของจะเข้าไปพักที่ cargo การบินไทย ผมจะอธิบายต่อในส่วนของ
cargo การบินไทย
3. ไปที่ทางเข้า cargo การบินไทย (เรียกกันทั่วไปว่า ประตูหนึ่ง)
ให้จอดรถในที่จอดชั่วคราว ด้านซ้ายหลังจากผ่านป้อม
โดยบอกป้อมว่ามาทำบัตรเข้าพื้
4. ไปทำบัตรเข้าพื้นที่ กรอกเอกสารใบเดียวต่อรถหนึ่งคัน
ต้องเตรียมบัตรประชาชนไปด้วย (หรือพร้อมสำเนา)
ต้องทำบัตรทุกคนที่เข้าพื้นที่ ค่าใช้จ่ายคนละ 27 บาท
ทำหนึ่งครั้งใช้ได้นาน 3 วันทำการ
ในวันที่ผมไปติดต่อนั้นในบริ
ซึ่งคิดราคาหลักหมื่น ผมตอบปฏิเสธ
5. เปิดประตูท้ายรถขนของ เตรียมไว้ก่อนเข้าพื้นที่
เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจว่าไม่
6. ขับรถเข้า cargo จะเห็นอาคารใหญ่ๆยาวๆด้านขวามือ ให้ขับไปจอดประมาณ
2/3 ของความยาวอาคาร แล้วถามเจ้าหน้าที่ว่า จะติดต่อออก D.O.
การบินไทยได้ที่ไหน
7. แลกบัตร ขึ้นไปชั้นสอง ที่สำนักงานออกเอกสาร D.O.
(ชั้นสองทางด้านซ้าย) กดบัตรคิว และรอเรียก
8. เจ้าหน้าที่จะถามรายละเอียดของ และให้เอกสาร D.O. ซึ่งมี airway bill
ของเราอยู่ในนั้น ให้ตรวจสอบให้ตรง เจ้าหน้าที่จะแจ้งให้ไปอาคารศุ
ชั้นที่ติดต่อ และเจ้าหน้าที่ต้องติดต่อ
9. ไม่จำเป็นต้องแลกบัตรคืน เพราะต้องกลับมาอีกรอบ
10. ขับรถเปล่าออกจาก cargo ไปยังอาคารศุลกากร
ที่อาคารจะมีนายหน้ามาเสนอเป็
ถ้าราคารับได้ ก็สามารถใช้บริการที่ปรึกษาได้ ผมไม่ได้ใช้บริการ
(ผมใช้เวลาเคลียร์ของทั้งหมด จากประมาณแปดโมงเช้า ถึงหกโมงเย็น
และต้องจ่ายค่าล่วงเวลาให้เจ้
11. ทำเอกสารตามพิธีการศุลกากร ถ้ามีของที่ต้องสำแดง หรือขออนุญาตนำเข้า
ต้องใช้เวลานาน เช่นผมมีแป้งรองพื้นสองตลับ ลิปสติกอีกสอง
ซึ่งจริงๆแล้วถ้ามีเครื่
ทางเจ้าหน้าที่จะให้ไปติดต่อที่
ที่อาคารห่างไปประมาณห้าร้
เพราะคิวยาวมาก (กรอกเอกสารจริงๆสามนาที)
12. ถ้าไม่เคยทำเรื่องนำของออก ต้องไปยื่นเรื่องขอเข้าระบบ (เขียนคำร้อง
และให้สำเนาบัตรประชาชน) ที่ชั้น 2 อาคารศุลกากร
หมายเหตุที่ชั้นล่างใกล้ๆ 7-11 จะมีบริการถ่ายเอกสาร
13. เดินเรื่องเอกสาร และเสียภาษีอากรขาเข้าตามเกณฑ์
14. นำเอกสารทั้งหมด ไปติดต่อนำของออกที่ cargo โดยขับรถเปล่าเข้าไปอีกรอบ
15. ติดต่อสำนักงานชั้นสอง ทางด้านขวา
เพื่อจ่ายค่าเก็บรักษาสินค้าชั่
16. นำเอกสารทั้งหมด
มาติดต่อที่ห้องด้านล่างเพื่
ขั้นตอนนี้จะต้องกรอกเอกสารใบปิ
กรอกรายละเอียดอื่นๆ ถ้าไม่ทราบให้ถามจากเพื่อนๆคนที
ซึ่งส่วนใหญ่จะเชี่ยวชาญ
17. รอเจ้าหน้าที่ที่ห้องตรวจเอกสาร และให้รายละเอียดเลขบอกตำแหน่
18. นำรายละเอียดตำแหน่งไปแจ้งให้
รถตักจะนำสินค้าไปตำแหน่งที่
เพื่อรอการตรวจสอบ
19. ยื่นเรื่องที่สำนักงานศุ
20. หลังจากผ่านการตรวจสอบ ก็สามารถขนสินค้าลงรถได้
21. ออกจากอาคารคลังสินค้า โดยเข้าใช้ช่องได้ช่อง 1 หรือ 2 จากซ้าย
22. หลังจากผ่านช่วงตรวจ อาจจะโดนสุ่มตรวจอีกรอบที่หลั
23. เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ
ผมจ่ายค่าพิธีการศุลกากร ค่า cargo ค่าล่วงเวลา และอื่นๆ
รวมแล้วประมาณหนึ่งพันบาท (ไม่รวมค่าภาษี)
เจ้าหน้าที่ศุลกากรให้ความสะดวก และเป็นมิตรมากครับ
เพียงแต่มีขั้นตอนเยอะเท่านั้น ถ้าไม่ต้องติดต่อ อย.
หรือจ่ายภาษีเครื่องสำอางค์อย่
โดย พี่ เอ้ ( Ae Kiatmanaroj ) ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น